ปกติแล้วกล้องถ่ายภาพด้วย app ทั่วไปจะได้ภาพ JPG ซึ่งก็เป็นนามสกุลที่เพียงพอสำหรับคุณภาพของภาพที่จะใช้ในงานต่างๆ ยิ่งด้วยคุณภาพของกล้องถ่ายภาพในโทรศัพท์รุ่นต่างๆ ในปัจจุบันที่สูงกว่าในอดีตมาก
แต่ภาพไฟล์ RAW นั้นจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพมากกว่า เหมาะที่จะนำมาใช้ในการตกแต่งภาพต่อไป ซึ่งทำให้ได้ภาพที่มีขนาดใหญ่กว่า JPG นั่นเอง การถ่ายภาพ RAW จะพบได้ในกล้อง DSRL แต่ทุกวันนี้ มี Application ที่สามารถถ่ายภาพ RAW ได้แล้ว ที่นำเสนอในบทความนี้ เป็น Application ที่รองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW บน iPhone, iPad มาดูกันมีแอปอะไรบ้าง ผมขอนำเสนอจากบทความของ MacThai.com
VSCO (ฟรี)
ถ้าใครชอบแต่งรูปน่าจะรู้จักแอปนี้ ซึ่งเป็นแอปที่มี Filter มากมายให้เลือก ซึ่งแอปนี้สามารถถ่าย RAW ไฟล์ได้ด้วย เพื่อให้การใส่ Filter เป็นไปได้อย่างมีประสิทธภาพมากขึ้น
MuseCam (ฟรี)
ถัดมาเป็นแอปฟรีเช่นกัน โดยแอปนี้จะเป็นแอปที่สามารถถ่ายรูปแบบ Manual ได้คือสามารถปรับ ISO, ค่า f และ Speed Shutter ได้แบบกล้อง DSLR เลย ที่สำคัญถ่าย RAW ได้และสามารถแต่งรูปได้คล้าย Lightroom มาก ๆ เรียกว่าคุ้มจริง ๆ
ProCam 5 (179 บาท)
แอปนี้ก็ฟีเจอร์เหมือนกับ MuseCam แต่ต่างกันตรงที่ ไม่ฟรี แต่ก็ปล่อยฟรีบ่อยอยู่ ซึ่งจุดเด่นของแอปนี้สามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายเป็นไฟล์ RAW, TIFF หรือถ่ายเป็น JPG ปกติ
Obscura Camera (139 บาท)
อันนี้ก็เหมือนกัน มีทั้งการตั้งค่ากล้องแบบ Manual และถ่ายไฟล์ RAW สามารถปรับ White Balance ได้เหมือนแอปอื่น มีฟิลเตอร์มาให้กว่า 28 แบบ
Manual (139 บาท)
ชื่อแอปก็บอกอยู่แล้วว่าสามารถปรับภาพแบบ Manual ได้ ซึ่ง หน้าตาแอปค่อนข้างสบายตา ใช้งานง่ายกว่าแอปอื่น ซึ่งก็สามารถถ่ายไฟล์ RAW ได้แบบแอปอื่น ๆ เช่นกัน
ProCamera. (199 บาท)
แอปนี้ถือว่าเป็นแอปที่แพงที่สุดในบรรดาแอปที่แอดแนะนำ ซึ่งจุดเด่นของแอปนี้นอกจากจะถ่ายภาพไฟล์ RAW ได้แล้ว ก็ยังมีโหมดวิดีโอให้ถ่ายได้อย่างมือโปรด้วย ซึ่งสามารถปรับ White Balance, โฟกัส, ความละเอียด, Frame Rate ได้ที่หน้าแอปได้เลย
Halide (99 บาท)
สำหรับแอป Halide ถือว่าเป็นแอปที่ถูกกว่าชาวบ้านในบรรดา 9 แอปนี้ ซึ่งจุดเด่นของมันก็คือ Focus peaking คือจะทำการวิเคราะห์และโฟกัสวัตถุได้อย่างแม่นยำ และช่วยทำให้หน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้นด้วย
Camera+ (99 บาท)
แอป Camera+ ถือว่าเป็นแอปที่อยู่คู่ iOS มาอย่างยาวนาน หลายปี มีการพัฒนาขึ้นทุก ๆ ปี ซึ่งตอนนี้ได้รองรับการถ่ายรูป RAW แล้ว และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างอื่น ก็คือ การใส่ Filter แยกระหว่างวัตถุกับพื้นหลังได้โดยใช้ฟีเจอร์ Portrait mode ของไอโฟนในการทำ
ProShot (139 บาท)
และสุดท้ายแอป Proshot ก็เป็นอีกหนึ่งแอปที่ถ่าย DSLR ได้ ยิ่งไปว่านั้นยังมีโหมด Timelapse, Slow Mo, Light Painting มาให้ทดลองเล่นกันด้วย
อย่างไรก็ตามการถ่ายภาพไฟล์ RAW จะรองรับเฉพาะกล้องหลังของเครื่องที่ลง iOS 10 ขึ้นไป เท่านั้น และไม่ได้รองรับ iPhone และ iPad ทุกรุ่นด้วย ซึ่งรุ่นที่รองรับมีดังนี้
- iPhone SE
- iPhone 6s และ 6s Plus
- iPhone 7 และ 7 Plus
- iPhone 8 และ 8 Plus
- iPhone X
- iPad Pro 9.7″
- iPad Pro 10.5″
- iPad Pro 12.9″ รุ่นที่ 2 ขึ้นไป (ไม่รองรับ iPad Pro 12.9″ รุ่นแรก)
เรียบเรียงโดย ทีมงาน MacThai
++++++++++++
ที่มาของบทความ MacThai.com
JOC